บ้าน ตึก หรืออาคารหลาย ๆ หลัง ต่างก็ต้องมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา การทาสีใหม่จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการปรับปรุงอาคารของเราให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออาคารต้องเผชิญกับทั้งแสงแดด และฝนการทาสีใหม่จึงเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องตัวอาคารของเราไม่ให้เสื่อมเร็วได้
การทาสีอาคาร จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ และต้องเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก เพื่อให้อาคารยังดูสวยงาม สีสันสดใส และไม่แลดูทรุดโทรมนั่นเอง วันนี้เราจะพาไปดู 5 ขั้นตอนการทาสีอาคาร ทายังไงให้ถูกหลัก
เคล็ดลับการเลือกชนิดสีทาอาคารให้สวย
ก่อนที่เราจะทาสีอาคาร เราต้องทำความรู้จักกับชนิดของเนื้อสีกันก่อน เพราะเนื้อสีแต่ละชนิดนั้น จะมีคุณสมบัติ และวัตถุประสงค์ของการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป
1. สีน้ำอะคริลิค
สีน้ำอะคริลิค เป็นสีน้ำพลาสติกที่เกิดจากการนำกาวชนิดหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติในการยึดเกาะ และทนต่อสภาวะอากาศได้ดี มาผสมกับแม่สี รวมถึงสารเติมแต่งอื่น ๆ ที่ทำให้สีชนิดนี้ไม่ละลายน้ำ และหลุดร่อนได้ยาก จึงเหมาะกับการใช้ในการทาอาคารหรือบ้านปูน งานคอนกรีต หรือกระเบื้องแผ่นเรียบ
โดยสีน้ำอะคริลิค ยังแบ่งประเภทการใช้งานออกเป็นสำหรับการใช้ทาภายใน และภายนอก ซึ่งมีสัดส่วนของเนื้อสีและคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นหากจะเลือกใช้สีชนิดนี้ จะต้องคำนึงถึงพื้นผิวที่เราจะนำไปทาอยู่ในอาคารหรือนอกอาคาร เพื่อให้เนื้อสีทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
2. สีน้ำมัน หรือสีเคลือบเงา
สีน้ำมัน หรือสีเคลือบเงา เป็นสีที่ผลิตขึ้นจาก Alkyd Resins ซึ่งเป็นน้ำมันชนิดหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และการยึดเกาะให้กับสารเคลือบผิว ที่นำไปผสมกับแม่สี เหมาะสำหรับการใช้ทาไม้หรือเหล็ก โดยจะให้ความเงางาม และทำความสะอาดได้ง่าย หากจะใช้งานก็ต้องผสมกับทินเนอร์หรือน้ำมันสนเป็นตัวทำละลายก่อน
3. สีรองพื้น
เพื่อการปกป้องพื้นผิวและเสริมการยึดเกาะของฟิล์มสีให้ดียิ่งขึ้น เช่น ผนังปูนใหม่ต้องทาสีรองพื้นปูนใหม่กันด่างก่อนทาสีทับหน้า หรือผนังไม้ที่ต้องการทาสีน้ำมัน จะต้องทาสีรองพื้นไม้กันเชื้อราก่อนทาสีทับหน้า
5 ขั้นตอนการทาสีอาคาร แบบฉบับมือโปร
การทาสีอาคาร จะมีวิธีการทาสีที่เหมือนกันกับการทาสีผนังทั่วไป โดยเราจะต้องคำนึงถึงบริเวณที่จะทาสีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจความเสื่อม และรอยแตกร้าวของอาคาร การซ่อมแซม หรือการทำความสะอาด เพื่อให้มั่นใจก่อนที่จะลงมือทาสีทับหน้านั่นเอง
1. ตรวจสอบสภาพพื้นผิว
ขั้นตอนแรกก่อนที่จะเริ่มทาสีอาคาร คือ เราจะต้องตรวจดูสภาพพื้นผิวของอาคารก่อน ไม่ว่าจะเป็นความเสื่อม รอยแตกร้าวของอาคาร และร่องรอยของสีเก่าที่หลุดลอกเป็นแผ่นเป็นขุย เพื่อที่จะสามารถซ่อมแซมได้ก่อนที่จะเริ่มการทาสีนั่นเอง
นอกจากนั้นเราจำเป็นที่จะต้องตรวจดูพื้นผิวของอาคารด้วยเช่นกัน ว่าเป็นผนังประเภทไหน เพราะว่าการทาสีอาคารแต่ละประเภทก็จะมีวิธีการดูแล การเตรียมพื้นผิว และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน
อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงบริเวณที่จะทาว่าจะทา ทั้งภายใน และทาภายนอกบ้านอีกด้วย เนื่องจากสีทาภายในและสีทาภายนอก จะมีคุณสมบัติบางสิ่งที่แตกต่างกัน เช่น ประสิทธิภาพความทนต่อสภาพอากาศ ยกเว้นสีทาบ้านบางชนิดที่สามารถทาได้ทั้งภายใน และภายนอกได้นั่นเอง
2. เตรียมพื้นผิว ทำความสะอาด และซ่อมแซม
หลังจากที่ตรวจสอบบริเวณพื้นผิวผนังเรียบร้อยแล้ว เราจะต้องทำการซ่อมแซมผนังที่มีรอยแตกร้าว และร่องรอยของสีเก่าที่หลุดลอกเป็นแผ่นเป็นขุยก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อที่จะไม่มีปัญหาตามมาหลังจากที่เราทาสีเสร็จ เพราะการซ่อมแซมหลังจากที่เราทาสีเสร็จแล้วนั้น จะสร้างความยุ่งยาก และอาจเสียเงินหลายรอบได้นั่นเอง
ต่อมาหลังจากที่เราทำการซ่อมแซมพื้นผิวผนังเรียบร้อย ให้เริ่มล้างทำความสะอาดผนัง เพื่อพื้นผิวที่สะอาด เพื่อที่เวลาทาสีจะทำให้สีเกาะติดได้ง่าย ซึ่งถ้าหากเราทำความสะอาดได้ไม่ดี จะทำให้สีก็จะลอกล่อนได้ง่าย ซึ่งการทำความสะอาดผนังก็จะมีตั้งแต่การใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดล้างทำความสะอาด ไปจนถึงการใช้เเปรงสก็อตไบรท์ช่วยขัด ซึ่งหลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว จะต้องทิ้งผนังให้แห้งก่อนทาสี 1 วัน
3. ทาสีรองพื้น (Primer)
เมื่อผนังเรียบ แห้งสนิท และไร้สิ่งสกปรกแล้ว ให้ใช้แปรงหรือถ้าพื้นที่กว้างก็ใช้ลูกกลิ้งทาสีในการทาสีรองพื้น ซึ่งการเลือกใช้สีรองพื้นนั้นจะต้องเลือกชนิดที่เหมาะกับพื้นผิว โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะพื้นผิว คือ
3.1 สภาพพื้นผิวปูนเก่า
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีรองพื้นปูนเก่านั้น จะต้องเลือกใช้สีที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเชื้อรา เพราะว่าผนังบ้านที่เป็นปูนเก่า จะมีพื้นผิวที่ค่อนข้างเก่า และมักจะมีความชื้นอยู่เสมอ ทำให้เกิดคราบด่าง เชื้อรา และตะไคร่น้ำได้ง่าย
Pammastic Speed Primer
Pammastic Speed Primer เป็นสีรองพื้นสำหรับปูนฉาบเสร็จใหม่ และปูนเก่าเสื่อมสภาพ เหมาะสำหรับภายนอกและภายใน สามารถทาทับปูนฉาบใหม่ได้ทันที หลังฉาบปูนทิ่งให้แห้งเพียง 2 วัน โดยมีคุณสมบัติสูงในการป้องกันไม่ให้คราบเกลือ และความเป็นด่างในปูนแทรกซึมออกมาทำลายเนื้อสี และยังช่วยป้องกันสีลอกล่อน โป่งพอง ป้องกันการเกิดเชื้อรา และตะไคร่น้ำบนฟิล์มสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เกรด: กลุ่มพรีเมียมคุณภาพสูง (Premium)
- ฟิล์มสี: ใส (สูตรน้ำมัน)
- พื้นที่การใช้งาน: ภายนอก และภายใน
- การครอบคลุมพื้นที่: 35-40 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
Pammastic Permabond Primer
Pammastic Permabond Primer น้ำยารองพื้นปูนเก่า ผลิตจากเทคโนโลยีระดับโลกจากประเทศอังกฤษ เหมาะสำหรับผนังปูนที่สีเดิมเสื่อมสภาพ มีคุณสมบัติช่วยปรับสภาพพื้นผิวปูนเก่า และป้องการการลอกล่อนของสีท้บหน้า
- เกรด: กลุ่มพรีเมียมคุณภาพสูง (Premium)
- ฟิล์มสี: ใส (สูตรน้ำมัน)
- พื้นที่การใช้งาน: ภายนอก และภายใน
- การครอบคลุมพื้นที่: 30-35 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
Pammastic Clean Primer
Pammastic Clean Prim มีคุณสมบัติช่วยปรับสภาพผนังปูนเก่า หรือฟิล์มสีเดิมที่เสื่อมสภาพให้พร้อมสำหรับการทาสีทับหน้า โดยสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะของสีทับหน้า และแห้งเร็วภายใน 30 นาที – 2 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันการเกิดเชื้อรา และตะไคร่น้ำบนฟิล์มสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลิ่นอ่อน ไม่ฉุน และปลอดภัยจากสารระเหย (ULTRA LOW VOCs)
- เกรด: กลุ่มพรีเมียมคุณภาพสูง (Premium)
- ฟิล์มสี: ด้าน (สูตรน้ำมัน)
- พื้นที่การใช้งาน: ภายใน
- การครอบคลุมพื้นที่: 39-46 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
3.2 สภาพพื้นผิวปูนใหม่
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีรองพื้นผิวปูนใหม่ควรจะต้องคุณสมบัติในการยึดเกาะที่ดี เพื่อช่วยลดปัญหาคราบด่างเกลือที่เกิดจากการคายด่างของการฉาบผนังปูนใหม่ และต้องสามารถช่วยเป็นตัวประสานการยึดเกาะระหว่างพื้นผิวปูน และสีทาทับหน้าได้
Pammastic Prime Lime
Pammastic Prime Lime เหมาะสำหรับทารองพื้นปูนใหม่ และพื้นผิวอื่น ๆ ที่มีความเป็นด่างสูง มีคุณสมบัติทนทานต่อด่างจากปูนได้ดีเยี่ยม ช่วยลดการดูดซึมของพื้นผิว และเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะของสีทับหน้าได้อย่างดี นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันปัญหาสีลอกล่อนของสีทับหน้า เชื้อราและตะไคร่น้ำบนฟิล์มสี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เกรด: กลุ่มพรีเมียมคุณภาพสูง (Premium)
- ฟิล์มสี: ด้าน (สูตรน้ำมัน)
- พื้นที่การใช้งาน: ภายนอก และภายใน
- การครอบคลุมพื้นที่: 38-40 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
Pammastic Extrapam Alkali Primer
Pammastic Extrapam Alkali Primer สีรองพื้นปูนใหม่กันด่างคุณภาพสูง ผลิตด้วยเทคโนโลยีสีระดับโลกจากประเทศอังกฤษ เหมาะสำหรับทารองพื้นปูนฉาบ คอนกรีต อิฐ และกระเบื้องแผ่นเรียบ เพราะช่วยป้องกันด่างจากปูนใหม่ได้ดีเยียม ลดการดูดซึมของพื้นผิว และความเปียกชื้น
นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะของสีทับหน้า เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานให้สีทับหน้าสวย สดใส ไม่ลอกล่อน และยืดอายุฟิล์มให้ยาวนานยิ่งขึ้น พร้อมกับสูตรกลิ่นอ่อน ที่ปราศจากสารระเหยที่เป็นพิษ (Low VOCs) ทำให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่เป็นแหล่งสะสมโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ จึงปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และผู้อยู่อาศัยนั่นเอง
- เกรด: กลุ่มมาตรฐานสูง (High Medium)
- ฟิล์มสี: ด้าน
- พื้นที่การใช้งาน: ภายนอก และภายใน
- การครอบคลุมพื้นที่: 38-40 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
Pammastic Pamlite Alkali Primer
Pammastic Pamlite Alkali Primer น้ำยารองพื้นปูนกันด่าง ผลิตจากอะคริลิกโพลิเมอร์แท้ เพื่อช่วยปรับสภาพพื้นผิว เหมาะสำหรับพื้นผิวปูนใหม่ คอนกรีต อิฐ กระเบื้องแผ่นเรียบ และแผ่นซีเมนต์สำเร็จรูป มีคุณสมบัติทนทานต่อด่างจากปูนได้ดีเยี่ยม ทำให้ช่วยลดการดูดซึมของพื้นผิว ช่วยให้ฟิล์มสีทับหน้าสวย ไม่ลอกล่อน และยังสามารถป้องกัน และยับยั้งการเกิดเชื้อรา และตะไคร่น้ำบนฟิล์มสีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เกรด: กลุ่มมาตรฐาน (Medium)
- ฟิล์มสี: ด้าน
- พื้นที่การใช้งาน: ภายนอก และภายใน
- การครอบคลุมพื้นที่: 38-40 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
คำแนะนำก่อนจะเริ่มทารองพื้น โดยเฉพาะการทาสีสำหรับผนังที่มีพื้นที่กว้าง ควรจะทาสีจากด้านบนลงด้านล่าง เพื่อป้องกันไม่ให้สีเลอะบริเวณที่ทาไปแล้วนั่นเอง หลังจากนั้นควรรอให้ผนังแห้งสนิท ก่อนที่จะทาสีทับหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาสีหลุดลอกตามมานั่นเอง
4. ทาสีทับหน้า
ขั้นตอนต่อมาคือการทาสีทับหน้า ซึ่งจะมีวิธีการทาที่คล้ายกับการทาสีผนังทั่วไป โดยเมื่อสีรองพื้นแห้งแล้ว ให้นำสีน้ำอะคริลิกที่ต้องทาทับหน้า มาผสมน้ำ 10% ของปริมาณสี แล้วทาลงบนผนัง
โดยการเลือกสีทาผนังจะต้องเหมาะกับพื้นที่การใช้งาน รวมถึงวัสดุของพื้นผิวที่จะทา โดยทั่วไปสีทาผนังประกอบด้วย 4 องค์ประกอบ ได้แก่ สี สารยึดเกาะ ตัวทำละลายเพื่อกันไม่ให้สีจับตัวเป็นก้อน และสารเติมแต่งเพื่อคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ
4.1 สีทาภายนอก
ผลิตภัณฑ์สีทาภายนอกส่วนใหญ่แล้วจะมีคุณสมบัติที่ป้องกันรังสี และความร้อนจากแสงแดด เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ดังนั้นสีทาภายนอกจึงต้องสามารถป้องกันการแตก หรือหลุดลอกของสีได้ ทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานของบ้านได้นานขึ้น
Pammacrylic Shield
Pammacrylic Shield ผลิตจากคริสตัสนาโนเทคโนโลยี นวัตกรรมสีทาปูนระดับโลกจากประเทศอังกฤษ ที่มีความทนทานยาวนานกว่า 15 ปี มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน และรังสี ได้สูงสุดถึง 95.8% ช่วยให้บ้านเย็น ประหยัดไฟ และทนทานต่อสภาวะอากาศที่รุนแรง ทำให้สียังคงสวยสดใสยาวนาน ไม่ซีดจาง
นอกจากนั้นด้วยฟิล์มสีที่มีความแข็ง และลื่น ทำให้ช่วยป้องกันการเกิดคราบน้ำ คราบฝุ่น และรอยทางน้ำไหล จึงมีประสิทธิภาพสูงในการยึดเกาะ และป้องกันการเสื่อมสภาพของฟิล์มสีได้ดี
- เกรด: กลุ่มอัลตร้าพรีเมียมคุณภาพสูงสุด (Ultra Premium)
- ฟิล์มสี: กึ่งเงา/เนียน
- พื้นที่การใช้งาน: ภายนอก และภายใน
- การครอบคลุมพื้นที่: 35-38 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
Pammastic Extrapam
Pammastic Extrapam มีคุณสมบัติทนทานต่อทุกสภาวะอากาศ ให้สีสวยสดใส ไม่ซีดจาง ปกป้องทนทานยาวนานกว่า 5-8 ปี และยังช่วยสะท้อนความร้อน ด้วยเทคโนโลยี Extra Heat และ UV Reflection มากกว่า 95%* ทำให้ช่วยลดอุณหภูมิ และประหยัดพลังงาน นอกจากนั้นยังมีกลิ่นอ่อน และปลอดจากสารระเหยที่เป็นพิษ (Ultra Low VOCs)
- เกรด: กลุ่มมาตรฐานสูง (High Medium)
- ฟิล์มสี: กึ่งเงา/ด้าน
- พื้นที่การใช้งาน: ภายนอก และภายใน
- การครอบคลุมพื้นที่: 37-38 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
Pammastic Pamlite
Pammastic Pamlite ช่วยปกป้องผนังบ้านให้ทนทานต่อทุกสภาวะอากาศ ยาวนานกว่า 3-5 ปี ผลิตจากซุปเปอร์ลาแท็กซ์ อะคริลิกเรซิน มีประสิทธิภาพสูงในการยึดเกาะพื้นผิว และยังทนทานต่อด่างจากปูนได้ดีเยี่ยม ไม่ลอกล่อน มีกลิ่นอ่อน และปลอดจากสารระเหยที่เป็นพิษ (Ultra Low VOCs) จึงปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมและผู้อยู่อาศัย
- เกรด: กลุ่มมาตรฐาน (Medium)
- ฟิล์มสี: กึ่งเงา/ด้าน
- พื้นที่การใช้งาน: ภายนอก และภายใน
- การครอบคลุมพื้นที่: 30-35 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
4.2 สีทาภายใน
ผลิตภัณฑ์สีทาภายในส่วนใหญ่ จะเป็นเนื้อสีที่ปราศจากสารเคมีเจือปน มีความละเอียดสูง ช่วยให้ผนัง และพื้นผิวภายในบ้านสวยเงางาม และเป็นสีที่ไม่ค่อยมีกลิ่นฉุน เพื่อไม่ให้ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพนั่นเอง
Pammastic EasyClean Bioshield
Pammastic EasyClean Bioshield ผลิตจากนวัตกรรม BioShield เทคโนโลยีสีสะอาด ที่ผสมผสานระหว่าง Silver Nano และ Bio Cleanact มีคุณสมบัติสามารถยับยั้ง และทำลายเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อราที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ โดยเข้าทำลายที่ผนังเซล์ และ DNA ของเชื้อโรคทันทีที่เชื้อโรคสัมผัสกับผนังบ้าน
นอกจากนั้นยังช่วยต้านทานเชื้อโรคมากกว่า 15 สายพันธุ์ โดยช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อได้มากกว่า 20 โรคอันตราย สามารถเช็ดล้างได้ง่าย ไม่ทิ้งรอยดำบนผนัง และทนทานต่อการขัดถูได้มากกว่าสีทั่วไป 40 เท่า และยังมีกลิ่นอ่อน ปลอดจากสารระเหยที่เป็นพิษ (Ultra Low VOCs)
- เกรด: กลุ่มอัลตร้าพรีเมียมคุณภาพสูงสุด (Ultra Premium)
- ฟิล์มสี: กึ่งเงา/ด้าน
- พื้นที่การใช้งาน: ภายใน
- การครอบคลุมพื้นที่: 35-38 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
ก่อนทาสีเราขอแนะนำให้อ่านวิธีใช้งาน คำแนะนำ และคำเตือนข้างกระป๋องสีให้เข้าใจก่อนเริ่มลงมือเพื่อให้มั่นใจว่าคุณทาสีถูกวิธีจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง เมื่อทาสีเสร็จทิ้งไว้จนแห้งสนิทก่อนจะใช้งานในพื้นที่
5. ตรวจสอบความเรียบร้อย
หลังจากที่เราทาสีทับหน้าเสร็จ และปล่อยทิ้งไว้จนสีแห้งเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจสอบผนังที่ทาสีให้เรียบร้อย หรืออาจเก็บขอบสีที่อาจเลอะเข้าไป และตรวจสอบความเรียบร้อยครั้งสุดท้าย ว่าสีที่ทามีความเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องซ่อมแซมอีกในอนาคตนั่นเอง
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีทาอาคารคุณภาพ เลือกใช้สี Pammastic
การทาสีอาคาร ไม่ว่าจะเป็นตึก บ้าน หรือเคหะสถาน ต่างก็เป็นสิ่งที่ใครก็สามารถทำได้ เพียงแค่ต้องเข้าใจในกระบวนการขั้นตอน รวมไปถึงต้องใช้เวลา ความอดทนในระดับหนึ่ง และความเอาใจใส่ในระดับหนึ่ง ซึ่งถ้าหากเราสามารถทาสีอาคารได้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยทำให้อาคารของเราสวย และทนทานได้นั่นเอง
ซึ่งนอกจากการทาสีอาคารตามขั้นตอนอย่างถูกต้องแล้วนั้น การเลือกใช้ผลิตสีก็สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีที่มีคุณภาพ Pammastic ที่มีคุณสมบัติสำคัญ ช่วยปกป้องผนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นแดด ลม หรือฝนก็เอาอยู่ ช่วยทำให้อาคารมีสีสันสดใส และสวยงามอยู่เสมอ
