สีทาบ้าน มีอายุการใช้งานที่จำกัด เมื่อถึงเวลาที่สีเสื่อมสภาพ จะทำให้สีบ้านดูเก่า ไม่สวยสดใสเหมือนใหม่ และยังมีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นบนพื้นผิวตามมาด้วย
ถ้าคุณกำลังมองหาเทคนิคในการเปลี่ยนสีบ้านเก่า ให้กลับมาสวยสดใส และมีความโมเดิร์นมากยิ่งขึ้น มาดูกันว่ามีวิธีในการเลือกใช้สีอย่างไรบ้าง พร้อมทั้งแนะนำการเลือกใช้สีทาบ้านให้ถูกประเภท และวิธีการทาสีบนพื้นผิวเก่าให้ถูกหลัก ตามแบบฉบับของสีปามมาสติก
ทาสีบ้านเก่า เปลี่ยนสียังไงให้ดูโมเดิร์น
สำหรับสีบ้านที่เก่าแล้ว เจ้าของบ้านหลายคนก็อยากจะเลือกทาสีที่ทำให้บ้านกลับมาสวยงาม ทันสมัย ซึ่งเฉดสีโมเดิร์นจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีความตายตัว ทุกเฉดสีมีความสวยงามและโมเดิร์นหมุนเปลี่ยนไปตามกระแสของโลกอยู่เสมอ ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกใช้สีโทนไหน บ้านก็สวยได้ตามสไตล์ที่คุณเลือก
สำหรับโทนสีที่ใช้ในการทาบ้าน จะมีหลักๆ อยู่ 3 รูปแบบ ที่ให้ความรู้สึกและสร้างบรรยากาศให้บ้านได้แตกต่างกันออกไป โดยคุณสามารถเลือกและนำไปปรับใช้ในการทาสีบ้านให้ดูโมเดิร์นได้ นั่นคือ
1.สีโทนร้อน
เป็นโทนสีที่สร้างความอบอุ่นสายตา ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างพลังให้รู้สึกถึงความแอคทีฟ สร้างพลังงานบวก ทำให้รู้สึกตื่นตัว และมีชีวิตชีวา ตัวอย่างของสีโทนร้อน เช่น
- สีแดง เป็นสีที่ให้พลังงานความอบอุ่น สื่อถึงความรัก อำนาจ และสร้างพลังงานบวก เหมาะกับการทาสีห้องที่ต้องการกระตุ้นความกระฉับกระเฉง เช่น ห้องออกกำลังกาย ห้องทำงาน
- สีส้ม เป็นสีที่ให้ทั้งความอบอุ่น แต่มีความสดใสในตัว ช่วยสร้างบรรยากาศให้มีความกระตือรือร้นและจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ได้ดี จึงเหมาะกับห้องทำงาน มุมทำงานอดิเรก ห้องครัว
- สีเหลือง เป็นสีตัวแทนของความสดใส ร่าเริง มองโลกในแง่ดี สร้างความสุขและความอบอุ่น เหมาะกับใช้ในห้องที่หลากหลายในบ้าน เช่น ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว
การเลือกใช้สีโทนร้อน จะต้องระวังเรื่องความฉูดฉาดของสี หากต้องการใช้งานในพื้นที่กว้างๆ อาจจะต้องลดทอนความฉูดฉาดลง เพื่อไม่ให้รบกวนสายตามากเกินไป แต่ถ้าอยากเลือกใช้สีที่มีความฉูดฉาด ให้เลือกใช้ในบางจุด เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับบริเวณนั้น จะทำให้บริเวณนั้นสวยงามน่ามองยิ่งขึ้น
2.สีโทนเย็น
เป็นสีที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกสงบ เย็นสายตา สามารถนำมาใช้ได้กับหลายจุดในบ้าน เพื่อสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมในการพักผ่อน ตัวอย่างของสีโทนเย็น เช่น
- สีน้ำเงิน เป็นสีคลาสสิคที่มีความโมเดิร์นในตัว ให้บรรยากาศที่สื่อถึงความเป็นธรรมชาติ เย็นสายตา รู้สึกสงบ มั่นคง และความเข้มของสียังทำให้รู้สึกหรูหราได้อีกด้วย
- สีฟ้า เป็นสีที่สร้างบรรยากาศที่เย็น สดใส โปร่งสบาย มีชีวิตชีวา หากต้องการออกแบบบ้านให้มีกลิ่นอายของชายทะเล สีฟ้าจะช่วยเสริมบรรยากาศได้ดีมาก
- สีเขียว เป็นสีตัวแทนของธรรมชาติ การเจริญเติบโต และความสมบูณ์ สีเขียวที่มีความเข้มจะให้บรรยากาศของบ้านที่ดูหรูหราในสไตล์โมเดิร์น ส่วนสีเขียวที่อ่อนลงมาจะให้ความรู้สึกสดใสเป็นกันเอง
3.สีโทนกลาง
เป็นโทนสีที่มีความสว่างในตัว ให้ความรู้สึกที่สะอาดตา สบายตา และความสว่างของสีทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้นได้ด้วย ตัวอย่างของสีโทนกลาง เช่น
- สีขาว – เป็นสีที่มีความคลาสสิก เรียกได้ว่ามีความโมเดิร์นตลอดกาล ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย คนส่วนใหญ่จึงนิยมเลือกใช้ในการทาบ้าน โดยจะให้ความรู้สึกที่สะอาด บริสุทธิ์ มีความเรียบง่าย เข้าได้กับการออกแบบบ้านทุกเฉดสี
- สีเบจ – เป็นสีโทนกลางที่มีความอบอุ่น ให้ความรู้สึกที่ดึงดูดสายตา ดูอบอุ่นในแบบโมเดิร์น เข้าได้กับการออกแบบบ้านหลากหลายสไตล์
- สีเทา – สีเทามีให้เลือกใช้ตั้งแต่เทาอ่อนไปจนถึงเทาเข้ม ซึ่งความเข้มของสีในแต่ละเฉด ก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป โดยช่วยเสริมให้บ้านดูทันสมัย หรูหรา
อยากทาสีบ้านเก่า ต้องเลือกใช้สีทาบ้านแบบไหน
สำหรับพื้นที่ทาสีเก่า ที่ต้องการทาสีใหม่ให้สวยโมเดิร์น จะต้องรู้จักกับชนิดของสีทาบ้านที่ใช้กับพื้นผิวปูนก่อน เพื่อให้สามารถเลือกใช้สีทาบ้านได้ถูกประเภท ได้แก่
- สีทาภายใน เหมาะกับการใช้ทาสีภายในบ้าน โดยฟิล์มสีของสีทาภายใน จะมีส่วนผสมที่ให้คุณสมบัติที่ง่ายต่อการทำความสะอาด ทำให้ฟิล์มสียึดเกาะแน่น ทนทานต่อการเช็ดถู โดยไม่ทิ้งคราบไว้บนผนัง
- สีทาภายนอก เหมาะกับการใช้ทาสีภายนอก โดยนอกจากเรื่องของความสวยงามของฟิล์มสีแล้ว สีทาภายในยังมีส่วนผสมที่ทำให้สีมีความทนทานต่อสภาวะแวดล้อม ไม่ซีดจางง่าย
- สีรองพื้น เป็นสีที่ใช้ทาก่อนทาสีทับหน้า (สีทาภายใน/สีทาภายนอก) โดยจะช่วยเสริมการยึดเกาะให้สีทับหน้าทนทานต่อการใช้งาน และยังปกป้องไม่ให้คราบด่างเกลือจากปูนทำลายฟิล์มสีทับหน้าด้วย
เคล็ดลับการทาสีบ้านเก่า ให้กลับมาสวยโมเดิร์น [ระบบการทาสี]
สีบ้านเก่าที่สภาพแล้ว จะต้องมีการจัดเตรียมพื้นผิว เพื่อให้พร้อมกับการทาสีทับหน้าลงไปใหม่ และจะต้องป้องกันปัญหาสีที่จะเกิดขึ้นบนพื้นผิวในอนาคตด้วย โดยเคล็ดลับการทาสีบ้านเก่า ฉบับสีปามมาสติก มีดังนี้
ทำความสะอาดพื้นผิว
บนผนังที่มีสีทาบ้านเก่า จะต้องขูดสีเก่าที่เสื่อมสภาพออกให้หมดก่อน เพื่อเตรียมพื้นผิวให้พร้อมก่อนทาสีใหม่ทับลงไป โดยต้องทำการขูดสีเก่าออก รวมถึงกำจัดคราบราดำ ตะไคร่น้ำ คราบสกปรกต่างๆ ออกให้มากที่สุด จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดพร้อมขัดด้วยแปรง
ทาน้ำยาป้องกันเชื้อรา ตะไคร่น้ำ
หลังจากที่ผนังแห้งดีแล้ว ให้ทาน้ำยาป้องกันเชื้อรา จะช่วยป้องกันและกำจัดสาเหตุของการเกิดเชื้อรา ตะไคร่น้ำถึงต้นตอ เพื่อไม่ให้คราบเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับสีบ้านที่ทาลงไปใหม่
ทาสีรองพื้น
หลังจากที่ผนังแห้งดีแล้ว ให้ทาด้วยสีรองพื้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะสีทับหน้า ให้สวยทน แข็งแรง โดยสีรองพื้นแบ่งออกตากพื้นผิว ดังนี้
- พื้นผิวปูนเก่า ให้เลือกใช้น้ำยารองพื้นปูนเก่า โดยทาลงบนพื้นผิว 1 รอบ รอให้แห้ง 12 ชั่วโมง ก่อนเริ่มทาสีทับหน้า
- พื้นผิวไม้ ให้เลือกใช้รองพื้นไม้กันเชื้อรา จำนวน 1 เที่ยว จะช่วยป้องกันเชื้อราและเพิ่มประสิทธิภาพของสีทาไม้ให้สวยทน
- พื้นผิวเหล็ก ให้เลือกใช้สีรองพื้นสำหรับทาเหล็ก จะช่วยป้องกันสนิมและทำให้สีทาเหล็กยึดเกาะพื้นผิวได้ดี
ทาสีทับหน้าสไตล์โมเดิร์นที่เลือก
หลังจากที่สีทารองพื้นแห้งดีแล้ว จึงเริ่มทาสีทับหน้าเฉดสีโมเดิร์นที่ต้องการลงบนพื้นผิว โดยสีบ้านเก่าให้ทา 2-3 เที่ยว ระยะเวลาห่างกัน 3 ชั่วโมง เพื่อให้สีทับหน้าสวยเรียบเนียนเสมอกัน ยึดเกาะแน่น ให้สีบ้านกลับมาสวยโมเดิร์นเหมือนใหม่ได้ยาวนาน
เปลี่ยนสีบ้านเก่า ให้กลับมาสวยโมเดิร์นได้อีกครั้ง
สีบ้านเก่า สามารถเปลี่ยนกลับมาให้สวยสดใส ดูโมเดิร์นได้อีกครั้ง หากเลือกใช้สีทาบ้านให้ถูกประเภท จะทำให้ฟิล์มสีมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน หมดปัญหาเรื่องสีโป่งพอง ลอกล่อน ก่อนกำหนด ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดเงินในการแก้ไข ลงทุนทาสีใหม่ครั้งเดียว สีก็สวยสดใส คุ้มค่าได้อีกยาวนาน