pammastic.com

เตรียมผนังให้พร้อมก่อนทา ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

ในปัจจุบันการทาสีเองเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่าย เพราะด้วยเทคโนโลยีสีที่มีการพัฒนามากขึ้น ทำให้ใช้งานได้ง่าย และมีคุณภาพ แต่การทาสีที่ดีไม่ได้อยู่ที่วิธีการระหว่างการลงสี หรือคุณภาพของสีที่ใช้เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้ว การจะได้ผนังที่สวย และไม่มีปัญหาแบบที่มืออาชีพทำนั้น จะต้องรวมถึงขั้นตอนเตรียมผนังให้พร้อมก่อนทาด้วย

เตรียมตัวก่อนทาสีผนังนั้นมีความสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้การทาสีออกมาสวยงาม และทนทานมากยิ่งขึ้น ในบทความนี้เราจะพาไปดูวิธีเตรียมผนังให้พร้อมก่อนทา ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

เตรียมผนังให้พร้อมก่อนทา สำคัญอย่างไร?

การเตรียมผนังก่อนทาสี ถือว่าเป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อให้ผลของการทาสีออกมาสวยงาม และทนทานมากยิ่งขึ้น

  • ทำให้สีติดที่ผนังได้ดียิ่งขึ้น: การเตรียมผนังก่อนทาสี จะช่วยให้สีที่เราทาสามารถติดที่ผนังได้ดีกว่าเดิม เนื่องจากผนังที่มีฝุ่น คราบสนิม หรือคราบอื่น ๆ อาจทำให้สีไม่ติดที่ผนังได้อย่างสมบูรณ์ และอาจเกิดปัญหาขึ้นมาในอนาคตได้
  • เพิ่มความแข็งแรง และทนทานให้ผนัง: การทาสีบนผนังที่มีสภาพที่ไม่ดี หรือไม่เรียบร้อย อาจทำให้สี และผนังแตกออก หรือลอกลายได้ง่าย ดังนั้นการเตรียมผนังก่อนทาสี จะช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความทนทานของผนังได้เป็นอย่างดี
  • ลดการใช้สี: การทาสีบนผนังที่ไม่ได้เตรียมผนังก่อนอาจต้องใช้สีมากกว่าที่จำเป็น เนื่องจากอาจทำให้สีสามารถไหล และทำให้เกิดปัญหาลอกลายได้ง่าย หรืออาจทำให้สีสามารถซึมลงไปในผนังได้ ซึ่งอาจทำให้ต้องใช้สีมากกว่าที่ควรจะใช้นั่นเอง
  • ลดความเสียหายจากการทาสี: การเตรียมผนังก่อนทาสี จะช่วยลดความเสียหายจากการที่เราทาสีผิดพลาด เช่น การทาสีไม่สม่ำเสมอ หรือสีรอยต่อไม่สวย ซึ่งจะทำให้ต้องทำงานใหม่ หรือซ่อมแซมเพิ่มเติมนั่นเอง

ขั้นตอนเตรียมผนังให้พร้อมก่อนทาสี

ขั้นตอนการเตรียมพื้นผิวแต่ละชนิด อาจมีขั้นตอนการเตรียมการไม่เท่ากัน และมากน้อยต่างกันไปตามประเภทวัสดุ เราจึงแนะนำให้คุณตรวจสอบพื้นผิวที่คุณต้องการจะทาสี และเตรียมการในขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับวัสดุนั้น ๆ ก่อนเริ่มทาสี

  1. ตรวจสอบ และเตรียมพื้นที่ผนังก่อนเริ่มทาสี
ตรวจสอบ และเตรียมพื้นที่ผนังก่อนเริ่มทาสี

ก่อนที่จะเริ่มทาสีผนัง เราจะต้องตรวจสอบบริเวณผนังที่เราต้องการทาก่อนเป็นอันดับแรก ตั้งแต่การตรวจสอบประเภทของผนัง ไปจนถึงการตรวจสอบผนังให้ทั่วว่ามีรอยรั่วหรือไม่ เพื่อให้สามารถเตรียมพร้อม และแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้องนั่นเอง

เมื่อเราทำการตรวจสอบบริเวณผนังเรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือเราจะต้องเตรียมพื้นที่บริเวณนั้นให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการย้ายเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้บริเวณนั้นเปรอะเปื้อน และเพื่อที่เราจะสามารถทำการทาสี หรือทำความสะอาดได้อย่างสะดวกอีกด้วย

  1. ทำความสะอาดพื้นผิว
ทำความสะอาดพื้นผิว

สิ่งสำคัญในการเตรียมผนังก่อนทาสี คือการทำความสะอาดพื้นผิวผนัง โดยผนังส่วนใหญ่สามารถทำความสะอาดได้ด้วยการใช้ฟองน้ำชุบน้ำอุ่น แต่สำหรับผนังที่มีคราบมันต่าง ๆ เช่น ผนังภายในห้องครัว สามารถใช้น้ำผสมกับน้ำยาทำความสะอาดเพื่อล้างคราบมันออกก่อน จากนั้นตามด้วยการล้างน้ำสะอาดเพื่อขจัดคราบน้ำยาให้หมดไป เสร็จแล้วเช็ดผนังด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ

ส่วนสำคัญของการทำความสะอาดผนัง คือการกำจัดฝุ่นออกให้หมด ซึ่งในส่วนนี้สามารถใช้แปรงพลาสติกขัดทำความสะอาด หรือใช้น้ำแรงดันสูงฉีดล้างผนังได้เช่นกัน เพื่อให้ปราศจากคราบสิ่งสกปรก คราบไข และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ 

หลังจากนั้นเราจะต้องรอให้ผนังแห้งสนิทก่อนจึงจะเริ่มลงรองพื้นหรือทาสีได้ การลงรองพื้นหรือทาสีบนผนังที่มีความชื้นจะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย เช่น ปัญหาฟิล์มสีพอง เป็นต้น

  1. ตรวจสอบคุณภาพของผนังปูน

ก่อนทาสีเราจะต้องมั่นใจว่าทั้งค่าด่างและค่าความชื้นของผนังอยู่ในระดับที่เหมาะสมตามธรรมชาติของปูน เพราะเมื่อได้รับความชื้นจากสภาพอากาศจะเกิดความเป็นด่างทำให้ผนังเกิดคราบเกลือชัดเจน จึงควรเช็คสภาพค่าความเป็นด่างของพื้นผิวให้ดี

การตรวจสอบคุณภาพของผนังปูนให้ใช้กระดาษลิสมัต ตรวจวัดค่า ph โดยระดับที่เหมาะสมคือ ph 8 ซึ่งจะแสดงผลบนกระดาษลิสมัตเป็นสีเขียว อีกขั้นตอนคือตรวจสอบค่าความชื้นของผนัง เนื่องด้วยปัญหาความชื้นจะทำให้เกิดปัญหาสีบวม ลอกล่อน โดยใช้เครื่องมือวัดความชื้น เมื่อตรวจสอบสภาพผนังแล้วอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานให้ลงมือขั้นตอนทาสีรองพื้นต่อไปได้เลย

  1. ตรวจสอบรอยแตก และซ่อมแซม

อีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญก่อนจะเริ่มต้นทาสี คือเราจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบรอยแตกบนผนังให้ดีก่อน ไม่ว่าจะเป็นรอยแตกลายงา หรือมีสีเดิมหลุดล่อนหรือไม่ เพื่อที่จะสามารถแก้ไข และซ่อมแซมได้ก่อนที่จะเริ่มทาสีนั่นเอง

ตรวจสอบรอยแตก และซ่อมแซม

การซ่อมแซมสีทาผนังก่อนจะเริ่มทาสีเป็นส่วนที่สำคัญเป็นอย่างมาก ไม่เพียงช่วยทำให้บ้านดูดีและช่วยแก้ปัญหาบ้านเท่านั้น เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาตามมาได้ เช่น คราบเกลือบนผนัง ผนังมีความชื้น หรือปัจจัยทางธรรมชาติอื่น ๆ เช่น เกิดคราบตะไคร่น้ำ เกิดปัญหาสีหลุดร่อน เพราะความชื้นสะสมจากดิน ซึ่งหากผนังมีร่องรอยความเสียหายเหล่านี้ ให้ทำการซ่อมแซมส่วนนี้ก่อนเป็นอันดับแรก

  1. การทาสีรองพื้น

การทาสีรองพื้นนั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการทาสีรองพื้นนั้น จะช่วยให้สีจริงติดทน ไม่ลอก ไม่หลุด และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ไม่ต้องมาคอยทาสีใหม่กันบ่อย ๆ ให้สิ้นเปลืองงบประมาณไปเปล่า ๆ นั่นเอง

การทาสีรองพื้น

สำหรับการทาสีรองพื้น จะใช้วิธีเดียวกันกับการทาสีทับหน้า ให้ใช้แปรง หรือลูกกลิ้งทาสีในการทาสีรองพื้น โดยให้เลือกชนิดที่เหมาะกับพื้นผิว หากพื้นผิวเก่าเสื่อมสภาพมากทาสีรองพื้นปูนเก่าจำนวน 1 เที่ยว และใช้สีรองพื้นแบบยืดหยุ่นเพื่อป้องกันการแตกลายงาในอนาคตด้วย ปล่อยให้ผนังแห้ง หลังจากนั้นจึงลงมือทาสีทับหน้าได้เลย

คำแนะนำก่อนจะเริ่มทารองพื้น เราขอแนะนำว่าให้แปะเทปสำหรับงานทาสีเพื่อกันพื้นที่ที่ไม่อยากให้เลอะ ทั้งเพดานและขอบประตูหน้าต่าง การทาสีสำหรับผนังที่มีพื้นที่กว้าง ควรทาสีจากด้านบนลงด้านล่าง เพื่อป้องกันไม่ให้สีเลอะบริเวณที่ทาไปแล้วนั่นเอง

เตรียมผนังให้พร้อมก่อนทาสีได้ไม่ยาก เพื่อผนังบ้านที่สวยงาม

จะเห็นได้ว่าการเตรียมพื้นผิวมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อคุณภาพของสีบนผนังบ้าน นอกจากนั้นยังส่งผลต่อการสีบนผนังบ้าน และผู้อยู่อาศัยอีกด้วย ยิ่งถ้าเรามีการใส่ใจ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สีคุณภาพอย่าง Pammastic ก็ยิ่งทำให้บ้านของเราดูสวยขึ้น และไม่เกิดปัญหาขึ้นในอนาคตด้วยนั่นเอง

แชร์

CHIANGRAI VILLAGE

MODIZ รามคำแหง

Emporium

The Emquartier

Synphaet

ATMOZ แจ้งวัฒนะ นนทบุรี

ATMOZ บางนา

IVORY รัชดา-ลาดพร้าว

KNIGHTSBRIDGE Kaset-society

MODIZ บางโพ

ATMOZ ลาดพร้าว71

Anubanmaesai

KAVE ศาลายา

KNIGHTSBRIDGE SPACE พระราม9

KNIGHTSBRIDGE รามคำแหง42

KNIGHTSBRIDGE สุขุมวิท-เทพารักษ์

Nich Mono Rama IX

THE ORIGIN E22 staion สุขุมวิท-สายลวด

Northwood2

Captain Village

Paragon