เมื่อการเลือกสีทาอาคารกลายเป็นเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะเรื่องของความเงาของสีทาอาคาร เพราะนอกจากการเลือกจะต้องตรงกับรูปลักษณ์ที่เราต้องการ การเลือกให้เหมาะสมกับพื้นผิวการใช้งานก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ในบทความนี้จะพาไปดู วิธีการเลือกระดับความเงาของสีทาอาคาร เลือกอย่างไรให้ออกมาถูกใจ
รู้จักกับสีประเภทที่ให้ความเงา
สีทาอาคารประเภทนี้ จะมีลักษณะพื้นผิวที่มันเงา ให้ความรู้สึกถึงความสวยหรู ลักษณะพื้นผิวจะเหมือนมีฟิล์มมาเคลือบที่ตัวสีไว้ ซึ่งสีประเภทนี้จะมีให้เลือกระดับความเงาที่หลากหลายระดับ ทั้งเงา หรือกึ่งเงา เป็นต้น
ข้อดีของสีประเภทเงาที่สำคัญเลยคือ สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย เพราะด้วยคุณสมบัติที่เรียบมัน ทำให้เหมือนมีฟิล์มชั้นหนึ่งป้องกันตัวสีไว้ นอกจากนั้นยังสามารถเช็ดล้างออกได้ง่ายเมื่อมีการเลอะ สีประเภทนี้จึงเหมาะกับห้องที่มีโอกาสที่จะเลอะ เช่น ห้องครัว หรือห้องเด็ก เป็นต้น
นอกจากนั้นสีประเภทที่ให้ความเงา ด้วยคุณสมบัติของความเงาทำให้การสะท้อนแสง อาจทำให้เกิดการรบกวนสายตาจากแสงสะท้อน และการทำงานได้ อีกทั้งถ้าผนังฉาบปูนไม่เรียบ เวลาที่ผนังโดนแสงส่อง จะทำให้เห็นความไม่เรียบเนียนของผนังที่ฉาบไม่เรียบร้อยได้ชัดเจน ทำให้เห็นแล้วไม่สวย และขัดตาขัดใจมากเลยทีเดียว
วิธีการเลือกระดับความเงา
การเลือกระดับความเงานั้น จะมีตั้งแต่แบบด้านไปจนถึงความเงาสูง ซึ่งระดับความเงาจะแสดงถึงปริมาณแสงที่สะท้อนจากพื้นผิวของสี หากพื้นผิวที่ทาสีเรียบมาก และมีลักษณะเหมือนกระจก การสะท้อนจะมีลักษณะที่แวววาว หรือมันวาว แต่ในทางกลับกัน สีที่เรียบ หรือมีความมันเงาต่ำ จะมีพื้นผิวหยาบแห้ง แสงที่ตกกระทบบนพื้นผิวดังกล่าว จะสะท้อน และกระจายไปในทิศทางต่าง ๆ กัน ทำให้ลักษณะผนังผิวดูแบนนั่นเอง
Matte (สีชนิดด้าน)
Matte หรือสีชนิดด้าน เป็นสีที่มีความเงาน้อยที่สุด ทำให้พื้นผิวสีทาที่ไม่สะท้อนแสง และเนื่องด้วยสีพื้นผิวไม่สะท้อนแสง ทำให้เม็ดสีสามารถแสดงตัวโดดเด่นขึ้นมาได้ จึงช่วยปกปิดความไม่เรียบร้อย หรือตำหนิบนพื้นผิวได้เป็นอย่างดี ทำให้เหมาะสำหรับผนังที่ขรุขระ หรือมีรอยบุบ
เนื่องจากสีชนิดด้านนั้นไม่มีการสะท้อนแสง ทำให้สีระดับนี้ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับใช้ในห้องครอบครัว ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร และห้องนอน นอกจากนั้นยังเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับใช้กับฝ้าเพดานเนื่องจากมีค่าการสะท้อนแสงที่น้อยมาก แต่อย่างไรก็ตามเรื่องของคราบ และสิ่งสกปรกอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำความสะอาด และการขัดถูอาจสร้างริ้วรอยบนพื้นผิวได้ ทำให้ต้องควรระวังเป็นอย่างมาก
Pammastic EasyClean Bioshield ผลิตจากนวัตกรรม BioShield เทคโนโลยีสีสะอาด ปลอดเชื้อ ผสมผสานระหว่าง Silver Nano และ Bio Cleanact ที่มีคุณสมบัติสามารถยับยั้ง และทำลาย เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้อย่างล้ำลึก โดยเข้าทำลายที่ผนังเซล์ และ DNA ของเชื้อโรคทันทีที่เชื้อโรคสัมผัสกับผนัง
นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติช่วยลดการสะท้อนของแสง ป้องกันการเกิดคราบฝังเกาะติดได้ ทั้งคราบน้ำ และน้ำมันกลิ่นอ่อน ปลอดจากสารระเหยที่เป็นพิษ โดยปราศจากสารปรอท และตะกั่ว จึงปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และผู้อยู่อาศัย เพราะช่วยยับยั้งการเกิดเชื้อรา และตะไคร่น้ำบนฟิล์มสีได้
เกรด: กลุ่มอัลตร้าพรีเมียมคุณภาพสูงสุด (Ultra Premium)
ฟิล์มสี: ด้าน
พื้นที่การใช้งาน: ภายใน
การครอบคลุมพื้นที่: 35-38 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
Sheen (สีชนิดเนียน)
Sheen หรือสีชนิดเนียน หรือที่หลาย ๆ คนเรียกกันว่า Pearl (ความเงาไข่มุก) เป็นอีกหนึ่งสีที่นิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะเป็นสีที่มีความมันวาวต่ำ แต่แลกมาด้วยความทนทานที่เพิ่มมากขึ้น และยังสามารถเข้าไปถึงผนังได้ลึกกว่าสีชนิดอื่น ทำให้สามารถใช้ได้ง่าย และประหยัดสีด้วยนั่นเอง
นอกจากจะช่วยทำให้สีบนผนังมีความทนทานแล้ว ยังช่วยสร้างมิติของตัวอาคารให้มีความรู้สึกอบอุ่น และน่าอยู่มากขึ้น และทำความสะอาดง่าย ซึ่งด้วยความที่มีการสะท้อนแสงเพียงเล็กน้อย จึงเหมาะสำหรับการตกแต่งภายในบ้าน รวมถึงห้องนั่งเล่น และโถงทางเข้าบ้าน เพื่อสร้างความโดดเด่น และความสวยงามให้กับผนัง
Pammastic Permoshield ผลิตภัณฑ์สีจากนวัตกรรม Nano Titanium UV Block ที่เป็นไททาเนียมอนุภาคขนาดเล็กระดับนาโนมีการเรียงตัวแบบ Honeycomb Interlock จากประเทศอังกฤษ เพื่อบ้านสีสวยสดใสทนทานกว่า 10 ปี
ไททาเนียมที่ถูกห่อหุ้มด้วยสารพิเศษที่เคลือบอย่างแน่นหนา จึงปกป้องไททาเนียมไม่เสื่อมสภาพตลอดอายุฟิล์ม (Life-time Titanium) อีกทั้งยังล็อคสีให้บ้านสวยสด ทนนาน ไม่ซีดจาง และสามารถแทรกซึมเข้าสู้พื้นผิวได้ดีเยี่ยม เพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะ ไม่ลอกล่อน และช่วยปกป้องพื้นผิว และรอยแตกลายงา
เกรด: กลุ่มพรีเมียมคุณภาพสูง (Premium)
ฟิล์มสี: กึ่งเงา/เนียน
พื้นที่การใช้งาน: ภายใน และภายนอก
การครอบคลุมพื้นที่: 38-40 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
Semi-Gloss (สีชนิดกึ่งเงา)
Semi-Gloss หรือสีชนิดกึ่งเงา มีลักษณะมันเล็กน้อย และสามารถสะท้อนแสงน้อยกว่าสีเงาทั่วไป จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับใช้ในการไฮไลท์รายละเอียดสถาปัตยกรรมของตัวอาคาร และช่วยสร้างมิติให้กับประตู และขอบริมต่าง ๆ ในบ้าน นอกจากนั้นยังทนทานต่อคราบสกปรกได้ดี ทำความสะอาดง่าย จึงมักนิยมใช้ในห้องที่ต้องขัดถูบ่อย ๆ เช่น ห้องครัว และห้องน้ำ
Pammacrylic Shield ด้วยคริสตัสนาโนเทคโนโลยี นวัตกรรมระดับโลกจากประเทศอังกฤษ ที่มีความทนทานยาวนานกว่า 15 ปี มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน และรังสี ได้สูงสุดถึง 95.8% ช่วยให้บ้านเย็น ประหยัดไฟ และทนทานต่อสภาวะอากาศที่รุนแรง ทำให้สียังคงสวยสดใสยาวนาน ไม่ซีดจาง
นอกจากนั้นด้วยฟิล์มสีที่มีความแข็ง และลื่น ทำให้ช่วยป้องกันการเกิดคราบน้ำ คราบฝุ่น และรอยทางน้ำไหล จึงมีประสิทธิภาพสูงในการยึดเกาะ และป้องกันการเสื่อมสภาพของฟิล์มสีได้ดี
เกรด: กลุ่มอัลตร้าพรีเมียมคุณภาพสูงสุด (Ultra Premium)
ฟิล์มสี: กึ่งเงา/เนียน
พื้นที่การใช้งาน: ภายนอก และภายใน
การครอบคลุมพื้นที่: 35-38 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
High Gloss (สีเคลือบเงา)
High Gloss หรือสีเคลือบเงา เป็นสีที่มีระดับความเงาสูงแบบกระจกเงา และมีลักษณะสะท้อนแสงสูงสุด ทำให้มีความทนทาน และความวาวสูง จึงง่ายต่อการทำความสะอาด และปกป้องจากรอยคราบต่าง ๆ ได้ดี
ด้วยความที่สีแบบเงานั้น สามารถทำความสะอาดได้ง่ายกว่าสีแบบเงาระดับอื่น ๆ โดยทั่วไปจึงมักนำไปใช้ในห้องครัว ห้องน้ำ และบนประตู หรือตู้ที่ต้องสัมผัสกับรอยนิ้วมือ และคราบสกปรก นอกจากนั้นเนื่องจากคุณสมบัติที่มีการสะท้อนแสงสูง สีเคลือบเงาจึงสามารถปกปิดรอยต่าง ๆ ของผนังได้เป็นอย่างดี
Pammastic Super Gloss Enamel เป็นสีเคลือบเงา ที่ผลิตจากแอลคีดเรซินสังเคราะห์คุณภาพสูง เกรดซุปเปอร์พรีเมียม จากประเทศอังกฤษ เหมาะสำหรับทาตกแต่งบนพื้นผิวเหล็ก และไม้ ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร เพราะเป็นฟิล์มสีมีความทนทานสูงต่อสภาวะอากาศที่รุนแรงในเขตร้อน
นอกจากนั้นยังสามารถปกป้องพื้นผิวให้สวยสดใส เงางาม ไม่ซีดจาง และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งปราศจากสารปรอท และตะกั่ว จึงปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และผู้อยู่อาศัย
เกรด: ซุปเปอร์พรีเมียม (Super Premium)
ฟิล์มสี: เงา
พื้นที่การใช้งาน: ภายนอก และภายใน
การครอบคลุมพื้นที่: 50-55 ตารางเมตร ต่อ แกลลอน ต่อ เที่ยว
เลือกระดับความเงาให้เหมาะสม เพื่ออาคารที่ถูกใจ
การเลือกใช้สีที่มีความเงาจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้ในบริเวณที่เหมาะสม และต้องคำนึงถึงเรื่องของการใช้งาน เพราะหากมีการใช้งานแบบผิด ๆ อาจส่งผลให้ตัวอาคารของเราดูออกมาไม่สวยได้ การเลือกใช้สีที่มีความเงาสูงจึงต้องการความเชี่ยวชาญในการทาสีด้วย
รวมไปถึงในกรณีที่เราจะทาสีเอง การเตรียมพร้อมพื้นผิวให้เรียบ และสะอาด เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากนั้นในขั้นตอนรองพื้น และทาสี เนื่องจากสีที่มีความวาวสูงจะสะท้อนแสงได้ดี ซึ่งอาจทำให้เห็นรอยตำหนิต่าง ๆ บนพื้นผิวได้ง่าน จึงไม่ควรใช้พื้นผิวที่ขรุขระ หรือไม่เรียบในการทาสีที่มีความเงามากนั่นเอง
