การเลือกโทนสีทาบ้านที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้อยู่อาศัย ไม่เพียงสะท้อนถึงความสวยงามและภาพลักษณ์ของตัวบ้านเท่านั้น แต่ลึกลงไปแล้ว สีที่อยู่บนตัวบ้านยังสามารถกระตุ้นบรรยากาศ สร้างพลังงาน และเพิ่มความสุขในการอยู่อาศัยได้อีกด้วย
ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่า โทนสีทาบ้านสามารถแบ่งออกได้เป็นกี่แบบ และแต่ละแบบสามารถสะท้อนบรรยากาศของการอยู่อาศัยแบบไหนได้บ้าง เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกใช้โทนสีทาบ้านที่เหมาะกับไลฟ์ไตล์การอยู่อาศัยของแต่ละคน
โทนสีทาบ้านมีกี่แบบ? แบ่งตามประเภทให้เข้าใจง่าย
เรารู้กันอยู่แล้วว่าสีในเชิงการออกแบบนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น สีดำ สีขาว สีแดง สีเขียว และอีกมากมาย แต่การเลือกใช้ให้เหมาะกับที่อยู่อาศัยนั้น ต้องอาศัยความกลมกลืนของโทนสี เพื่อให้สีของบ้านสื่ออารมณ์ไปในทิศทางเดียวกัน
โดยสามารถแบ่งโทนสีทาบ้านออกเป็น 4 ประเภท ของความรู้สึกได้ดังนี้
1. สีทาบ้านโทนอุ่น

สีโทนอุ่น เช่น สีแดง สีส้ม สีเหลือง สามารถสร้างบรรยากาศให้บ้านมีความอบอุ่น เมื่อมองดูแล้วจะทำให้รู้สึกถึงพลังงานที่อบอุ่น สบายตา รู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุข โดยสีโทนนี้เหมาะกับการใช้ใน ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว
2. สีทาบ้านโทนเย็น
สีโทนเย็น เช่น สีฟ้า สีน้ำเงิน สีเขียว สีม่วง สามารถสร้างบรรยากาศที่สงบ และส่งผลต่อความรู้สึกทั้งกายและจิตใจที่สงบ ผ่อนคลายความรู้สึกเหนื่อยล้าได้เป็นอย่างดี โทนสีบ้านนี้จึงเหมาะกับการใช้ทาห้องนอน ห้องน้ำ หรือห้องทำงาน
3. สีทาบ้านโทนสีกลาง

สีทาบ้านโทนสีกลาง เช่น สีขาว สีดำ สีเทา สีเบจ จะช่วยสร้างบรรยากาศให้กับบ้านดูมีความสมดุล เนื่องจากสีเหล่านี้ทำให้รู้สึกถึงความสงบและสบายตา ไม่ได้มีความฉูดฉาด และในระยะยาวก็จะไม่ทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อ
ความพิเศษของสีโทนกลาง จะทำให้บ้านดูมีความคลาสสิค ไม่ว่าจะตกแต่งบ้านสไตล์ไหน สีเหล่านี้ก็สามารถไปกับสไตล์การตกแต่งได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังเป็นสีที่สามารถนำไปใช้ร่วมกับสีทาบ้านโทนอื่นๆ เพื่อสร้างมิติให้กับโทนสีอื่นไม่ดูฉูดฉาด ลดความแรงของสีอื่นๆ รวมถึงเป็นตัวเชื่อมให้สีสันต่างๆ ภายในตัวบ้านดูกลมกลืนกันได้อีกด้วย
4. สีทาบ้านโทนสีสดใส มีชีวิตชีวา

สีทาบ้านโทนสีสดใส จะเป็นการเลือกใช้สีทาบ้าน 2-3 สี เพื่อสร้างมิติของบ้านให้ดูมีความสวยงาม โดดเด่น และมีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งสีสันที่มีมากขึ้น ก็จะช่วยสร้างความรู้สึกที่สนุกสนาน สร้างบรรยากาศได้หลายรูปแบบ และเพิ่มพลังงานให้กับผู้อยู่อาศัยได้ดียิ่งขึ้น
เทคนิคการจับคู่โทนสีทาบ้าน
สำหรับการจับคู่สี มีเทคนิคที่ให้ส่วนผสมของสีออกมาลงตัวง่ายๆ ได้แก่
- จับคู่สีที่ใกล้เคียงกัน เช่น จับคู่สีโทนเย็นอย่างสีเขียวและสีฟ้า เพื่อทำให้ห้องดูมีมิติของความสงบและความสบายตามากขึ้น หรือจับคู่สีเขียวกับสีเหลือง เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดูสนุกได้มากขึ้น แต่ในการเลือกใช้จะต้องเลือกสีหนึ่งโดดเด่นกว่าสีหนึ่ง จะทำให้เกิดมิติของสีที่แตกต่างกันชัดเจน
- จับกลุ่ม 3 สี เช่น เลือกสีแดง สีเหลือง สีฟ้า เพื่อสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานได้มากยิ่งขึ้น แต่การเลือกใช้สีจำนวนมากจะต้องคำนึงน้ำหนักของการเลือกใช้ให้ดี เพื่อให้เกิดความสมดุลของการใช้สี ซึ่งน้ำหนักสีที่ควรเลือกใช้จะอยู่ที่ 60% (สีหลัก) – 30% (สีรอง) -10% (สีสร้างมิติ)
- ใช้สีโทนเดียว เช่น เลือกสีเขียวล้วน สีนำ้เงินล้วน มาเป็นสีหลัก แต่ใช้การสร้างมิติด้วยสีโทนกลางอย่างสีขาว หรือสีดำ จะยิ่งสร้างความโดดเด่นให้กับสีหลักสวยงาม สบายตา น่ามองยิ่งขึ้น
จะเลือกโทนสีบ้านให้เข้ากับตัวเอง ต้องดูอะไรบ้าง?
1. เริ่มจากความชอบส่วนตัว
เพราะโทนสีทาบ้านที่คุณเลือก จะอยู่กับคุณไปอีกยาวนาน ในการเลือกสีจึงควรเริ่มจากสีคุณชื่นชอบก่อน จากนั้นลองนำมาวางแผนดูว่าแต่ละสีที่ชอบจะเอามาจับคู่กับสีอะไรได้บ้าง และจะใช้แต่ละสีในการทำจุดไหนของบ้านบ้าง
ถ้าหากสีที่เลือกไปครั้งแรกเป็นสีที่ดูฉูดฉาดเกินไป ไม่เข้ากับภาพรวมของบ้าน ให้ลองมองหาสีหรือจับคู่สีที่ลดความฉูดฉาดลง แต่เป็นโทนสีที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ และมีความสุขทุกครั้งที่มองดู
2. ปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบบ้าน
สำหรับการเลือกโทนสีทาภายนอกบ้าน ให้คุณมองดูภาพกว้างของตัวบ้านและสภาพแวดล้อมใกล้ๆ ไม่ว่าจะเป็น ต้นไม้ ภูเขา แม่น้ำ วิวทิวทัศน์ อาคารบ้านเรือนใกล้ๆ จะช่วยให้คุณเลือกได้ว่าจะต้องใช้โทนสีทาภายนอกแบบไหน ที่ทำให้ดูกลมกลืนและไปในทิศทางเดียวกัน
3. การบำรุงรักษาให้สีสวยยาวนาน
การเลือกโทนสีทาบ้านที่เป็นสีสว่าง เช่น สีขาว สีครีม สีเบจ แม้ว่าสีเหล่านี้จะให้ความรู้สึกสะอาดและสบายตา แต่ถ้าหากเลือกใช้กับห้องหรือมุมที่ต้องเจอกับสิ่งสกปรกบ่อย ก็อาจจะสร้างปัญหาในเรื่องความสะอาดตาได้
ดังนั้น ในห้องหรือจุดที่ต้องพบเจอกับคราบสกปรกบ่อยๆ เช่น ห้องครัว ห้องนอนเด็ก ห้องสัตว์เลี้ยง โรงรถ ควรเลือกใช้สีที่มีความทึบลงมา เช่น สีเทา สีดำ สีน้ำเงิน จะช่วยพรางสายตาจากคราบสกปรกได้
แต่ถ้าจำเป็นจะต้องเลือกใช้สีโทนสว่างจริงๆ ควรเลือกใช้สีทาบ้านที่มีความทนทานต่อการเช็ดล้างสูง เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด เมื่อเกิดคราบบนผนัง
เทคนิคที่ควรรู้ ในการเลือกใช้สีทาบ้านให้ออกมาตรงปก
หลังจากที่คุณได้รู้แล้วว่า สีบ้านโทนไหนที่สะท้อนความชอบและไลฟ์สไตล์ของคุณ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อสีนั้นมาเลย คุณจะต้องเข้าใจก่อนว่าสีที่มองเห็นจากหน้าจอมือถือ อาจจะไม่ได้ตรงกับสีที่ทาออกมาแล้ว เนื่องจากปัยจัยต่างๆ เช่น การแสดงผลของหน้าจอ แสง เงา พื้นผิวที่ใช้ทาสี เป็นต้น
ดังนั้น จึงมีเทคนิคในการเลือกสีทาบ้านที่คุณควรรู้ เพื่อสามารถเลือกสีทาบ้านให้ออกมาตรงกับความชอบมากที่สุด โดยมีเทคนิค 3 ข้อดังนี้
1. ทดสอบสีก่อนทาจริง
แม้ว่าเราจะเลือกสีตามแค็ตตาล็อกที่ตรงใจแล้ว แต่เมื่อนำมาทาที่บ้านจริงๆ ก็อาจจะได้สีที่ไม่ตรงใจ บางทีอาจจะเข้มไป หรืออ่อนไปกว่าที่คิดเอาไว้ นั่นเพราะว่าองค์ประกอบโดยรวมของตัวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่าง แสงจากหลอดไฟ สีของพื้น สีของฝ้าเพดาน สีของธรรมชาติโดยรอบบ้าน
ดังนั้น ถ้าไม่อยากเจอปัญหาสีออกมาไม่ตรงตามที่คิดเอาไว้ ให้ลองนำตัวอย่างสีมาลองทาในพื้นที่เล็กๆ ดูก่อน เพื่อจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นว่าจะไปต่อกับสีที่เลือกมาแล้ว หรือต้องวางแผนเปลี่ยนไปใช้สีในโทนอื่นๆ
2. ทดสอบสีเมื่อแสงตกกระทบ
ต่อเนื่องจากข้อก่อนหน้า ที่ต้องนำสีมาทดลองทาเป็นบริเวณเล็กๆ ก่อน แต่ให้เพิ่มการทดสอบดูว่าสีนี้เหมาะกับบ้านของเราจริงๆ โดยให้ลองดูทั้งตอนที่แสงแดดตกกระทบ ตอนปิดม่าน ตอนเปิดไฟในบ้าน เพื่อดูว่าสีนั้นเมื่อถูกแสงแล้วสามารถสร้างบรรยากาศไปตามที่เราคิดหรือไม่
3. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสี
หากคุณคิดว่าการเลือกโทนสีนั้นยังเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ เพราะกลัวว่าโทนสีของบ้านจะออกมาแล้วไม่เป็นไปตามที่คาดคิดเอาไว้ การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจในด้านการออกแบบ เช่น ดีไซน์เนอร์ สถาปนิก หรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจเรื่องผลิตภัณฑ์สีโดยตรงได้ที่จุดจำหน่ายสีทาบ้าน จะช่วยให้คำตอบและภาพที่ชัดเจนกับคุณได้
ส่งท้ายบทความ
หนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการสร้างบ้านใหม่ หรือการรีโนเวทบ้าน นั่นคือ การเลือกโทนสีทาบ้าน ที่นอกจากจะช่วยสะท้อนไลฟ์สไตล์และวิถีความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัยแล้ว ในระยะยาวยังสามารถช่วยสร้างบรรยากาศของการอยู่อาศัยที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้
ซึ่งถ้าหากคุณสามารถเลือกโทนสีทาบ้านที่สะท้อนตัวตนและความชอบออกมาได้อย่างตรงโจทย์ สีของบ้านหลังนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดี ไปพร้อมกับการสร้างความสุขในการอยู่อาศัยที่ไม่มีสิ้นสุด